ออยเตียนสรูล http://aoytansrul.siam2web.com

ยินดีต้อนรับเข้าสู่ วัดไร่เกาะต้นสำโรง


หลวงปู่สรวงเป็นพระอริยะโพธิ์สัตว์ ที่มากด้วยเมตตา

หลวงพ่อบุญช่วย ท่านเมตตาเล่าถึงเรื่องหลวงปู่สรวงที่น่าพิสดาร

หนึ่งในเรื่องที่น่าสนใจคือการเปิดเผยเรื่องวิชาตายคืน
วิชาตายคืนนี้เป็นวิชาลี้ลับพิสดารตามแนวทางของมันตระยาน ซึ่งลัทธินี้เคยรุ่งเรืองในสมัยขอมโบราณยุคพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 
มันตระยานเป็นการผสมผสานระหว่างพุทธกับพราหมณ์ ดังนั้นจึงมีวิชาเกี่ยวกับการเล่นแร่แปรธาตุ เล่นฤทธิ์เดชเวทมนต์อย่างพิสดารพันลึก
หลวงปู่สรวงหรือลูกตาเบ๊าะ หลวงปู่รชรัตน์ หลวงปู่พระองค์พลึง หลวงปู่จันตึบ ทั้ง ๔ ท่านนี้ก็สำเร็จวิชาตายคืนทั้งนั้น
วิชาตายคืนนี้เมื่อสิ้นแล้ว หากได้รับการเผาร่างภายใน ๒๘ วัน ด้วยอำนาจแห่งมนต์วิชาก็จะสามารถประกอบธาตุ ๔ ขึ้นใหม่ได้ ในช่วง ๒๘ วันนั้น โดยให้ศิษย์ใกล้ชิดทำบายศรี ๑ คู่ หน่อกล้วย ๑ หน่อ ผ้าขาว ๑ พับ ไปบวงสรวง ณ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ก็จะบังเกิดร่างใหม่ของผู้สำเร็จวิชาตายคืนขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์ ร่างใหม่ที่เกิดขึ้นจะหน้าตาเหมือนคนเดิมทุกประการแต่จะดูอ่อนเยาว์กว่าเหมือนว่ากลับไปเป็นหนุ่มอีกครั้ง
แต่หากไม่ประสงค์จะประกอบร่างใหม่จะดำรงในสังขารเก่าด้วยอิทธิบาทภาวนาไปชั่วกัลป์ก็ได้ หรือจะถอดจิตไปหาร่างที่เหมาะสมกับตนก็ได้อีก
เรื่องนี้เป็นศาสตร์ชั้นสูงของวิญญาณศาสตร์ ในดินแดนขอม ได้รับเมตตาถ่ายทอดจากหลวงพ่อบุญช่วยนับว่าเป็นประโยชน์ต่อการศึกษาเรื่องราวของหลวงปู่สรวงมาก แล้วจะมาเล่าต่อในตอนต่อไปครับ 

ทรายอาบตัวหลวงปู่สรวง

ท่านอาจารย์สมบัติเป็นผู้หนึ่งที่เก็บทรายอาบตัวของหลวงปู่สรวงเอาไว้
ปฏิปทาของหลวงปู่สรวงท่านไม่เหมือนใคร ท่านอยู่กับดินติดดินตลอด ท่านอาบน้ำก็ตักเอาทรายเอาดินขึ้นอาบ ทางป่วยก็เสกดินกินดิน เป็นที่แปลกประหลาดในสายตาคนทั่วไป
แต่ที่น่าอัศจรรย์กว่านั้นคือ ทรายที่ท่านใช้อาบนั้น นานวันไปกลับขึ้นเกล็ดแก้วเป็นประกายระยิบระยับ แน่นอนหลายท่านกล่าวว่านี่คือพระธาตุของท่านเกิดจากจิตบริสุทธิ์ที่มีอานุภาพของท่าน ยิ่งนานวันไปก็จะแปรสภาพเป็นพระธาตุให้บูชาเห็น
ถ้านำมาทำเป็นพระเครื่องก็จะมีพระธาตุเสด็จมาเกาะหรือเนื้อมวลสารขององค์พระจะงอกออกมาให้เห็น
ของต่างๆที่ผ่านมือผ่านสัมผัสจากหลวงปู่สรวงจะแปรสภาพเป็นพระธาตุหรือได้รับพลังงานอันเร้นลับทำให้เกิดความศักดิ์สิทธิ์มีอานุภาพทางรักษาโรคหรือให้ความคุ้มครองได้อย่างน่าอัศจรรย์

สวัสดีครับ เรื่องราวของหลวงปู่สรวงผมฟังจากครูบาอาจารย์หลายท่านก็ล้วนน่าอัศจรรย์เหมือนนิทานจักรๆวงศ์ๆ แต่ทั้งหมดครูบาอาจารย์ต่างยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง

พระอาจารย์บุญช่วยเล่าว่า ในสี่พระหน่อ คือ หลวงปู่สรวง หลวงปู่รชรัตน์ พระองค์พลึงและหลวงปู่จันตึบนั้น
สองท่านแรก คือ หลวงปู่สรวงและหลวงปู่รชรัตน์ ละสังขารแล้วทิ้งร่าง คือภสพาสังขารเก่าก็ไม่เผา ถูกเก็บไว้อย่างดีตามสถานที่ต่างๆ ท่านไปหาร่างใหม่ของท่านเอง
ส่วนพระองค์พลึง ใช้การกลับชาติมาเกิด
ส่วน หลวงปู่จันตึบ นิยมใช้วิชาตายคืน ตายแล้วเผาร่างเดิมเสียจากนั้นประกอบร่างใหม่ด้วยวิชาตายคืนได้
ส่วนผู้จะร่ำเรียนวิชาสายนี้มีข้อห้ามในการับประทานอาหารคือ
ห้ามรับประทาน ชะอม กะถิน สะตอ ปลาตะเพียน ขอเหล่านี้ถือว่าคาวจัดกลิ่นเหม็นฉุนไม่เหมาะ แก่ธาตุขันธ์ของผู้ประกอบพระเวทย์ ห้ามรับปรนะทานถ้าถือกฏได้ทำสิ่งใดก็จะขลัง
พระอาจารย์บุญช่วยคุ้นเคยกับอาจารย์จันตึบมานานสิบกว่าปีมาแล้ว จากครั้งแรกที่อาจารย์จันตึบมาหาที่เขามงคลเทพประสิทธิ์แล้วบอกให้พระอาจารย์บุญช่วยไปตาตนที่เมืองเขมร มีได้จังหวะพระอาจารย์บุญช่วยก็ออกเดินทางเข้าเขมรเพื่อเสาะหาอาจารย์จันตึบ แต่กว่าจะเจอใช้เวลาเป็นปี
อาจารย์จันตึบมาคุยแต่ไม่บอกว่าตนเองอยู่ที่ไหน กว่าจะรู้ว่าท่านอยู่พะตะบองก็เหนื่อยแย่ และกว่าจะรู้ว่าอยู่ส่วนไหนในพะตะบองก็เล่นเอานานพอสมควร
แต่พอเจออาจารย์จันตึบแล้วสิ่งแรกที่ท่านให้คือ ฟัน 
การให้ฟันของท่านไม่ได้ให้ฟันที่หลุดออกมาแล้ว แต่เป็นการถอนฟันในปากให้สดๆ ใช้มือดึงออกมาเลย เป็นสิ่งไม่น่าเชื่อ ท่านผู้อ่านครับเราๆท่านๆใครจะทำได้ถอนฟันกันสดๆ ทำได้รึเปล่า
แต่อาจารย์จันตึบท่านถอนออกมาให้พระอาจารย์บุญช่วยเลย แล้วบอกว่าช่วยดูแลแผ่นดินด้วย
เพราะต่อไปภัยพิบัติจะเกิดแล้ว เอาฟันท่านไปทำอะไรให้สำเร็จ
และอาจารย์จันตึบท่านนี่แหละที่เปิดเผยเรื่องราวของหลวงปู่สรวง ทั้งพาเข้าวังของเจ้านโรดมสีหนุด้วย จากนั้นลูกชายคนโตของเจ้านโรดมก็เล่าถึงเรื่องราวของหลวงปู่สรวงเป็นการเปิดเผยเรื่องราวของหลวงปู่สรวงในภาคเมืองเขมรเป็นครั้งแรก

การบูชาหลวงปู่สรวงแบบเต็มสูตร พระอาจารย์บุญช่วยให้ตั้งพานครู มีดังนี้ครับ
1 ดอกสะเลเต 10 ดอก
2 ธูป 19
3เทียน 19
4 ผ้าขาว 1 พับ
5 หมากพลูบุหรี่อย่างละ 19
6 เงินค่าครู 16 บาท

นำขึ้นบูชาวันพฤหัสหรือวันอาทิตย์ ประเสริฐนักแล 
ท่านบอกว่าถ้าเราเรียนวิชาสายหลวงปู่สรวงเรียนแล้วไม่รวย วิชาพระโพธิสัตว์ วิชาหลวงปู่สรวงนั้นเป็นวิชาให้คนอื่น แบกความทุกข์คนอื่นได้ ปรารถนาให้คนอื่นมีความสุข
แต่ตัวเองนั้นไม่ฟุ้งเฟื้อฟุ่มเฟือย เราต้องรักษาตัวให้สันโดษ เหมาะควรแก่ผู้ประพฤติธรรม
วิชาหลวงปู่สรวงให้พรผู้อื่นให้รวยให้ดีมีความสุขเป็นที่ตั้ง ส่วนตัวเองมีหน้าที่รักษาความดี ความสันโดษความสงบ

พระอาจารย์บุญช่วยหลังจากที่ได้รับมอบ ซี่ฟัน จากอาจารย์จันตึบแล้ว ท่านอาจารย์จันตึบได้จารหลังให้ตากหลักวิชาสายหลวงปู่สรวง การจารหลังนี้ยังเป็นการถ่ายเทพลังงานของท่านลงสู่สังขารของพระอาจารย์บุญช่วยด้วย ดังนั้นไม่ว่าพระอาจารย์บุญช่วยจะประสิทธิพร จะท่องคาถา จะปลุกเสกเลขยันต์ใดๆจึงเกิดความศักดิ์สิทธิ์ฤทธิ์ขลังขึ้นเป็นพิเศษ เพราะถือว่ามีแรงครูบาอาจารย์หนุนอยู่ตลอด
ภารกิจหลักที่อาจารย์จันตึบมอบหมายให้คือการภาวนาเพื่อป้องกันภัยพิบัติที่กำลังเกิดขึ้นและจะเกิดหนักขึ้นต่อไปเรื่อยๆ หากไม่มีคนภาวนาไม่มีศีลธรรมแล้วจะเสียหายล้มตายวุ่นวายกันมากที่สุด
หมั่นทำความดี มีจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ รักษาศีล ภาวนา มองกายมองใจมากกว่ามองภายนอก ศีลธรรมอยู่ที่ไหนที่นั่นแหละปลอดภัย

พระอาจารย์บุญช่วยเมตตาให้พระคาถาเชิญญาณบารมีหลวงปู่สรวง และอนุญาตให้เผยแพร่ได้
คาถานี้ท่านเล่าว่าต้องขึ้นไปบนเขากุเลนจากนั้นอาจารย์จันตึบจึงบอกคาถาให้ เนื้อความคาถามีดังนี้ครับ
เรื่องเบี้ยแก้เป็นจริงตามข้างบนครับรับรองได้เช่นกัน
เพราะเบี้ยแก้ของหลวงพ่อบุญช่วยท่านสร้างจากปรอทป่า ซึ่งต้องใช้วิชาดักเท่านั้น ปรอทป่ามีอำนาจในตัวมาก ภูติผีปีศาจก็กลัว พกพาไปไหนไข้ป่าก็ดี ไข้ระบาดต่างๆก็ดีไม่มากล้ำกรายได้เลย
ผู้ที่พลาดรายการเบี้ยแก้ของหลวงพ่อบุญช่วย ยังมีหวังครับ เพราะศุกร์ที่ 9 เสาร์ที่ 10และอาทิตย์ที่ 11 กันยายนนี้ ท่านจะมาโปรดญาติโยมอีกครั้งที่อาศรมอาจารย์สมบัติ แยกเทพารักษ์ครับ
เบี้ยแก้ทุกชิ้นของท่านต้องอัญเชิญบารมีหลวงปู่สรวงมาอธิษฐานจิต รวมทั้งผู้วิเศษ อีกสามท่านคือ หลวงปู่สะเดิง หลวงปู่รชรัตน์ หลวงปู่พระองค์พลึง 
ทั้ง ๓ ท่านที่กล่าวมาคือพี่น้องที่ร่วมเรียนพระเวทย์กับหลวงปู่สรวงบนเขาพนมกุเลน
ทั้งหมดมีอภิญญาล้ำลึก ล่องหนหายตัว บันดาลลมฝนต่างๆได้อย่างน่าอัศจรรย์ และทุกท่านเป็นอมตะ เปลี่ยนร่างไปได้เรื่อยๆ 
หลวงพ่อบุญช่วยท่านเล่าว่า ทั้ง ๔ ท่านคือ หลวงปู่สรวงหรือลูกตาเบ๊าะ หลวงปู่สะเดิงหรือดาบสจันตึบ หลวงปู่รชรัตน์ หลวงปู่พระองค์พลึง เป็นผู้สำเร็จธาตุ ๔ ดินน้ำลมไฟ เป็นผู้เหนือโลก แต่บำเพ็ญเป็นพระโพธิสัตว์ โปรดผู้หวังดีต่อพระศาสนา ท่านจะอยู่จะตายสุดแท้แต่ท่านและทุกท่านสำเร็จวิชาตายคืน คือตายแล้วทิ้งร่างก็ได้ประกอบร่างใหม่เอา หรือเอาดวงจิตไปไว้ที่ร่างไหนๆก็ตามสะดวก ศาสตร์นี้คือสุดยอดของวิญญาณศาสตร์ที่แต่โบราณผู้สำเร็จมีน้อย ดังนั้นการท่องคาถาการปลุกเสกทุกอย่าง หลวงพ่อบุญช่วยท่านจะเชิญท่านผู้สำเร็จทั้ง ๔ มาอธิษฐานจิตปลุกเสกหรือทำพิธีต่างๆให้ ของที่ทำมาจึงขลังพิศูจน์ได้จริง ใช้ได้ผลจริง ขอเพียงแค่มีศรัทธาเท่านั้น

เรื่องราวของหลวงปู่สรวงเป็นเรื่องที่อัศจรรย์เหนือความนึกคิดคาดฝันของเราเสมอๆ ไม่ว่าเรื่องอายุของท่านซึ่งจากการที่ผมสอบถามจากน้องชายของหลวงพ่อสร้อยซึ่งมาร่วมงนศดของหลวงพ่อสร้อยที่วัดเลียบราษฏ์บำรุงเขตบางซื่อสรุปได้ว่าคะเนอายุที่ต่ำที่สุดของท่านก็ต้องไม่ต่ำกว่า 275 ปี นอกจากนี้บ้างก็บอกว่าท่านมีอายุ 3 ร้อยกว่าปี ที่ได้ยินจากหลวงพ่อสร้อยเองท่านบอกว่า 414 ปี นอกจากนี้บางท่านก็บอกว่าห้าร้อยปี และหกร้อยกว่าปี
มีพระคณาจารย์บางท่านที่เที่ยวศึกษาจากพระธุดงค์แถบชายแดนเขมรเล่าวว่าลูกศิษย์ของหลวงปู่สรวงรุ่นเก่าๆที่สำเร็จวิฃาอายุวัฒนะนี้ก็มีอายุหลายร้อยปีเช่นเดียวับท่าน ท่านเหล่านี้จะอยู่ตามตะเข็บชายแดนไม่ค่อยสุงสิงกับใคร บางท่านเคยมรณะภาพไปแล้ว ฌาปนกิจศพไปแล้ว มีกระดูกวางไว้บูชาในโกฐแล้วด้วยซ้ำ แต่พอไม่นานก็ออกมาจากป่ามาโปรดคนอีก พระท่านหนึ่งเล่าให้ผมฟังว่าลูกศิษย์ของหลวงปู่สรวงท่านหนึ่งบอกว่าต้องเผาหรือต้องตายครบ ๘ ครั้งจึงตายจริงครั้งหนึ่งจะมีอายุได้ประมาณ 300 ปี บางท่านตายมาแล้วครั้งหนึ่ง บางท่านเคยตายมาแล้วสามครั้ง และมีการยืนยันว่าสำหรับหลวงปู่สรวงท่านแล้วยังไม่มีใครเคยเห็นท่านมรณะภาพลงเลยครั้งนี้อาจเป็นครั้งแรก
วิชาเหล่านี้จะไม่เรียกว่าตายจริงแต่จะเป็นเสมือนการลอกคราบของงูหรือจั๊กจั่น ซึ่งทิ้งสังขารเก่าไว้เหมือนซาก แต่กลับมีร่างใหม่กายใหม่ขึ้นมาได้อย่างน่าอัศจรรย์
ถ้าติดตามกระทู้มาโดยตลอดจะเห็นว่ามีการเล่าด้วยว่า หลวงปู่สรวงมีด้วยกันถึงสามองค์อีกสององค์อยู่ในเขมรเที่ยวโปรดญาติโยมอย่างลี้ลับ 
เรื่องของท่านฟังแล้วเข้าใจยาก แต่ง่ายที่สุดที่เข้าใจได้คือท่านไม่ได้อยู่อย่างเราไม่ได้อยู่ด้วยเงื่อนไขอย่างที่เราๆท่านๆอยู่ ท่านคือสิ่งที่เหนือความเข้าใจของปุถุชนไปแล้ว
วันเวลาที่ท่านอยู่หรือท่านไปไม่มีความจริงสำหรับเราและท่าน ด้วยว่าท่านอยู่เหนือสมมุตินั่นเอง ดังนั้นการที่ท่านจะมีกี่กาย มีอายุยืนนานเท่าใดจึงเป็นเรื่องที่ไม่สามารถหาข้อยุติได้ สุดวิสัยแห่งการหยั่งรู้ของเราผู้เป็นปุถุชน เราทราบแต่ว่าตลอดเวลาที่ท่านอยู่นั้นท่านไม่สะสม ท่านไม่มีวัดอยู่ มีอะไรท่านก็แจกหมด หรือไม่ก็เผาทำลายทิ้งซะ เป็นแบบอย่างพระผู้ละโลกโดยแท้ และถือว่าเป็นตำนานแห่งโลกอุดรที่ปรากฏเป็นรูปธรรมในปัจจุบัน 
๑ ท่องนะโม ๓ จบ
๒ อิลิเมี๊ยะอ็องสรวงสัมปันโน อิติปิโส นะโมพุทเธียเยีย อิสวาสุติมหาบันดาลสัจจัง อิริกิเป
๓ ให้หมั่นภาวนา คาถา "อะกรึงกะ" คำนี้กันภัยได้ ท่องประจำให้เกิดญาณหยั่งรู้ว่าภัยจะมาเมื่อไหร่ หลงหลีกป้องกันได้ทุกประการ
๔ ท่องภาวนาคำว่า "บายตึ๊กเจีย" ทำให้ร่มเย็นเป็นสุข มีเงินมีทองไม่ขาด


Advertising Zone    Close

Online: 1 Visits: 3,634 Today: 7 PageView/Month: 32

ด้วยความปราถนาดีจาก "สยามทูเว็บดอทคอม" และเพื่อป้องกันการเปิดเว็บไซต์เพื่อหลอกลวงขายของ โปรดตรวจสอบร้านค้าให้แน่ใจก่อนตัดสินใจซื้อของทุกครั้งนะคะ    อ่านเพิ่มเติม ...